ByYourSideForLife_Logo_v2_-02 (1).svg

ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) เป็นฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ชาย เมื่อผู้ชายอายุมากขึ้น ระดับ ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) จะลดลงตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ผู้ชายบางคนอาจมีระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำเกินไป ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งอาจนำไปสู่ความเปราะของกระดูก การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ และอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลง เช่น รู้สึกหดหู่ ประมาณ 30% ของผู้ชายอายุระหว่าง 40 ถึง 79 ปีจะได้รับผลกระทบจากการที่มี ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำ  

 

ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย เกิดขึ้นเมื่ออัณฑะผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ลดลง ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายมีสองประเภทที่แตกต่างกัน ประเภทหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาเกี่ยวกับอัณฑะ หรือเป็นผลมาจากความผิดปกติของสมองที่ควบคุมการทำงานของอัณฑะ อีกทั้งยังมีสาเหตุจากวัยที่เพิ่มขึ้น โรคเบาหวาน หรือโรคอ้วน

สาเหตุของ ฮอร์โมนเพศชาย
(เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย

คุณกำลังประสบกับอาการไม่ปกติต่างๆ เช่น รู้สึกเหนื่อยหน่าย หมดเรี่ยวแรง ความต้องการทางเพศลดลง หรือไม่มีสมาธิหรือไม่ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของ ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย (TD : Testosterone Deficiency) ซึ่งเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่อผู้ชายหลายคน มาดูรายละเอียดกันว่า สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร และจะรักษาอย่างไร

ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายมีสองประเภทหลัก: แบบ Classical และแบบ Functional.

ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย       
แบบ Classic

ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายแบบคลาสสิกแบ่งออกเป็นแบบปฐมภูมิ และ แบบทุติยภูมิ 

ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายแบบปฐมภูมิเกิดขึ้นเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับอัณฑะ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่คุณมีมาตั้งแต่เกิด เช่น กลุ่มอาการ Klinefelter หรืออาจเกิดขึ้นในภายหลังเนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น การบาดเจ็บหรือการติดเชื้อในฮอร์โมนเพศชาย ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายแบบปฐมภูมิ อัณฑะไม่สามารถผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ได้เพียงพอ ซึ่งอาจนำไปสู่อาการต่างๆ เช่น อ่อนเพลีย มวลกล้ามเนื้อลดลง และความผิดปกติทางเพศ  

ในทางกลับกัน ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายแบบทุติยภูมิเกี่ยวข้องกับปัญหาเกี่ยวกับสัญญาณที่บอกให้อัณฑะผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับต่อมใต้สมองหรือไฮโปทาลามัสในสมอง ภาวะแต่กำเนิด เช่น กลุ่มอาการ Kallmann หรือปัจจัยที่เกิดขึ้นภายหลัง เช่น เนื้องอกในต่อมใต้สมอง สามารถรบกวนสัญญาณเหล่านี้ นำไปสู่ระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำและอาการที่เกี่ยวข้อง

ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย   
แบบ Functional

ภาวะฮอร์โมนต่ำแบบ Functional มักเป็นการทำงานผิดปกติร่วมกันของสมองและอัณฑะ และมักเกี่ยวข้องกับอายุที่มากขึ้น โรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 หรือ ยาบางชนิด เช่น opioids

อาการของฮอร์โมนเพศชาย
(เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย

อาการของฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย (TD) อาจแตกต่างกันอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามอายุ การทำความเข้าใจอาการของ TD เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตรวจหาตั้งแต่เนิ่นๆ และการจัดการที่มีประสิทธิภาพ

 

สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ อาการเหล่านี้อาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ดังนั้น ผู้ที่ประสบกับอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม


อ่อนเพลีย: ผู้ชายที่มีระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำมักมีอาการเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย แม้ว่าจะนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอแล้วก็ตาม อาการอ่อนเพลียอย่างต่อเนื่องหรือขาดพลังงานอาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมประจำวันและคุณภาพชีวิตโดยรวม
การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์: ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) มีอิทธิพลต่อการควบคุมอารมณ์ ระดับฮอร์โมนที่ต่ำจะส่งผลให้เกิดอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย หรือรู้สึกหดหู่ ผู้ชายที่มีฮอร์โมนเพศชาย
(เทสโทสเทอโรน) ต่ำอาจประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์หรือความไม่สมบูรณ์ของอารมณ์
ความต้องการทางเพศลดลง: ความต้องการทางเพศลดลง หมายถึงความต้องการหรือความสนใจทางเพศลดลง เมื่อใครก็ตามประสบกับภาวะความต้องการทางเพศที่ลดลง ก็อาจรู้สึกไม่ค่อยอยากหรือไม่มีแรงจูงใจที่จะมีกิจกรรมทางเพศ ซึ่งอาจแสดงออกในรูปของการขาดความสนใจในเรื่องเพศ มีความคิดหรือจินตนาการเกี่ยวกับเรื่องเพศน้อยลง และมีแรงจูงใจทางเพศโดยรวมลดลง
มวลกล้ามเนื้อลดลง: ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) มีบทบาทสำคัญในการรักษามวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ผู้ชายที่มีฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำอาจสังเกตเห็นมวลกล้ามเนื้อที่ลดลง รวมถึงความแข็งแรงและแรงตึงตัวของกล้ามเนื้อที่ลดลงด้วย
ไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น: ระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำอาจนำไปสู่การมีไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณหน้าท้อง ซึ่งอาจส่งผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และอาจมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของร่างกาย

ความหนาแน่นของกระดูกลดลง: ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ช่วยรักษาความแข็งแรงและความหนาแน่นของมวลกระดูก ระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนหรือกระดูกหักเนื่องจากความหนาแน่นกระดูกลดลง
การเปลี่ยนแปลงทางสติปัญญา: ผู้ชายบางคนที่มีฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำอาจประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางสติปัญญา เช่น มีสมาธิยาก ปัญหาความจำ หรือการทำงานของสมองลดลง ผู้ชายบางคนเรียกอาการนี้ว่า "สมองล้า"
การเจริญเติบโตของขนลดลง: ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) มีบทบาทในการเพิ่มขึ้นของขนบนใบหน้าและร่างกาย ผู้ชายที่มีระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำอาจประสบกับการลดลงของขนบนใบหน้าหรือร่างกาย
ร้อนวูบวาบ: แม้ว่าอาการร้อนวูบวาบจะเกี่ยวข้องกับวัยหมดประจำเดือนในผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ แต่ผู้ชายที่มีระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำก็สามารถมีอาการร้อนวูบวาบได้เช่นกัน ความรู้สึกร้อนหรือหน้าแดงกะทันหันเหล่านี้ อาจมาพร้อมกับเหงื่อออกและอาจเกิดขึ้นเป็นระยะๆ

ความต้องการทางเพศต่ำ
มีปัญหาในการถึงจุดสุดยอด
มีปัญหาในการแข็งตัวของอวัยวะเพศ (เช่น แข็งตัวได้ไม่นาน หรือไม่มีการแข็งตัวในตอนเช้า)
สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ อาการเหล่านี้อาจเกิดจากปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ดังนั้น ผู้ที่ประสบกับอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสม

ฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone Deficiency) สามารถเกี่ยวข้องกับหลายสภาวะทางสุขภาพที่มีผลกระทบต่อการผลิตหรือการทำงานของฮอร์โมนนี้ในร่างกาย ผู้ชายที่ประสบกับภาวะนี้มักจะพบว่าอาการของโรคต่างๆ มีความสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนที่ต่ำ เช่น:

เซลล์ไขมันส่วนเกินในร่างกายสามารถเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) เป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนผ่านเอนไซม์ aromatase ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะ gynecomastia หรือ "เต้านมโตในผู้ชาย" ซึ่งการลดน้ำหนักประมาณ 15% จะช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ได้ในระดับหนึ่ง

ความผิดปกติทางพันธุกรรมนี้ทำให้ผู้ที่มีกลุ่มอาการ Klinefelter มีโครโมโซม X เพิ่มเติม (XXY) ซึ่งรบกวนการพัฒนาของอัณฑะ ส่งผลให้การผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ลดลง

การใช้ opioids เป็นเวลานานอาจทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ลดลง เนื่องจากยานี้มีผลต่อการทำงานของสมองที่ควบคุมการผลิตฮอร์โมนนี้ ซึ่งผลกระทบอาจเห็นได้ภายในหนึ่งสัปดาห์

แม้ว่าจะยังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำและภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แต่ก็มีความเกี่ยวข้องกับภาวะเรื้อรังอื่นๆ เช่น โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคอ้วน

ผู้ชายที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มีความเสี่ยงสูงที่จะมีระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำ โดยพบว่ามีความผิดปกติของระดับฮอร์โมนในต่อมใต้สมองซึ่งอาจส่งผลให้การผลิตฮอร์โมนนี้ลดลง

ระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) จะลดลงตามอายุ โดยลดลงประมาณ 1% ต่อปีหลังจากอายุ 40 ปี ซึ่งการลดลงนี้มักเกิดร่วมกับภาวะทางการแพทย์อื่นๆ เช่น โรคอ้วนหรือโรคเบาหวาน

การติดเชื้อไวรัสคางทูมในวัยเด็กอาจทำให้เกิดการอักเสบและความเสียหายต่ออัณฑะ ซึ่งทำให้การผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ลดลงในภายหลัง

การรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัดหรือการฉายรังสีอาจทำให้เกิดความเสียหายต่ออัณฑะและลดการผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) โดยบางคนอาจประสบกับภาวะมีบุตรยากในระยะยาว

ในกรณีที่อัณฑะข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้างไม่ลงมาอย่างถูกต้องในระหว่างการพัฒนาของทารกในครรภ์ จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากการทำงานของอัณฑะบกพร่องและการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ที่ลดลง แม้ว่าอัณฑะไม่ลงถุงหลายกรณีจะหายได้เองในช่วงวัยเด็กตอนต้น แต่อัณฑะไม่ลงถุงอย่างต่อเนื่องอาจต้องได้รับการจัดการทางการแพทย์เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว

ภาวะเหล่านี้ทั้งหมดมีผลต่อการผลิตหรือการทำงานของฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการของภาวะพร่องฮอร์โมนและส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม

เพื่อเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ในร่างกายตามธรรมชาติ สามารถทำได้หลายวิธีที่ไม่ต้องพึ่งพาการใช้ยา หรือการรักษาทางการแพทย์ โดยวิธีที่สามารถนำไปปฏิบัติได้มีดังนี้:

การนอนหลับอย่างเพียงพอ (7-9 ชั่วโมงต่อคืน) ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) และฮอร์โมนอื่นๆ ที่จำเป็นต่อสุขภาพร่างกาย โดยเฉพาะในระหว่างการนอนหลับที่มีคุณภาพ

ความเครียดเรื้อรังจะกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอร์ติซอล ซึ่งยับยั้งการผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) การทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การทำสมาธิ การฝึกสติ การฝึกหายใจลึกๆ หรือการออกกำลังกาย สามารถช่วยลดความเครียดและปรับสมดุลฮอร์โมนได้

โภชนาการมีบทบาทสำคัญในการผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) อาหารที่มีสารอาหารหลากหลาย เช่น โปรตีน ไขมันดี ผลไม้ ผัก และธัญพืช รวมถึงอาหารที่มีสังกะสี วิตามินดี และกรดไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยในการสังเคราะห์ฮอร์โมนนี้ได้ เช่น อาหารทะเล ถั่ว เมล็ดพืช และผักใบเขียว

การออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น การฝึกความต้านทาน (ยกน้ำหนัก) หรือการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ (วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ) ช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และเสริมสุขภาพโดยรวม

การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฟิตเนสหรือผู้ฝึกสอนส่วนบุคคลสามารถช่วยให้คุณออกแบบโปรแกรมออกกำลังกายที่เหมาะสมกับเป้าหมายและระดับความฟิตของคุณ โดยที่ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำในด้านการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้สามารถช่วยให้ระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ในร่างกายสูงขึ้นและรักษาสมดุลการทำงานของฮอร์โมนได้ดีขึ้นโดยไม่ต้องใช้วิธีการทางการแพทย์

พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของคุณเกี่ยวกับฮอร์โมนเพศชายต่ำ

ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนต่ำ อาจเป็นเรื่องที่คุณรู้สึกลำบากใจในการพูดคุย แต่ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งเข้าใกล้โอกาสที่จะทำให้ชีวิตของคุณกลับมาสมดุลมากขึ้นเท่านั้น

 

ถามคำถามนี้เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตัดสินใจว่าคุณควรได้รับการตรวจวัดระดับฮอร์โมนหรือไม่:

 

  • ไม่ได้รู้สึกป่วย แต่รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมือนเดิม แปลว่าอาจมีฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ในระดับต่ำหรือไม่? คำถามนี้จะช่วยให้คุณได้แสดงความรู้สึกที่อาจไม่ชัดเจนแต่เกี่ยวข้องกับระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ที่ต่ำ เช่น ความรู้สึกหมดพลัง, ไม่มีสมาธิ หรือการสูญเสียความสนใจในสิ่งที่เคยสนุก

  • อาการที่เป็นอยู่นี้ เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำหรือไม่?

  • อาหาร การออกกำลังกาย และไลฟ์สไตล์ที่เป็นอยู่ ส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ของเราอย่างไร? คำถามนี้ช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หรือการออกกำลังกาย เพื่อช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน)

  • ถ้าต้องรักษา มีตัวเลือกทางการแพทย์ใดบ้าง สำหรับการรักษาฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำ? การถามคำถามนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับทางเลือกในการรักษาที่มีอยู่ เช่น การรักษาด้วยฮอร์โมนเสริม หรือการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ ที่อาจเป็นประโยชน์

     

การติดตามอาการที่เกิดขึ้นของตัวคุณเองเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากจะช่วยให้ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญตัดสินใจได้ว่า คุณควรได้รับการตรวจภาวะฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเทอโรน) ต่ำหรือไม่ คำถามนี้จะช่วยให้คุณตระหนักถึงความสำคัญของการบันทึกอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อให้สามารถนำเสนอข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้เชี่ยวชาญ การเริ่มต้นพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญสามารถช่วยคุณเข้าใจตัวเองมากขึ้น และทำให้คุณมีโอกาสในการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อปรับสมดุลฮอร์โมนและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น